ดูหนัง priest (2011) นักบุญปีศาจ เต็มเรื่อง Full HD 24 ช.ม.

ดูหนัง priest
0 0
Read Time:10 Minute, 26 Second

ดูหนัง priest ภาพยนตร์แอ็คชั่นตื่นเต้นข้างหลังวันสิ้นโลกตั้งอยู่ในโลกลู่ทางหนึ่งที่ถูกทำลายโดยการศึกระหว่างมนุษย์แล้วก็แวมไพร์มานานหลายศตวรรษ เรื่องราวเกี่ยวกับ Warrior Priest ในตำนานจากการรบแวมไพร์คราวสุดท้ายที่ในช่วงเวลานี้อาศัยอยู่ในความสับสนท่ามกลางผู้อาศัยของคนเรา ที่ถูกทำลายในเมือง dystopian ที่มีกำแพงโอบล้อมซึ่งดูแลโดยศาสนจักร เมื่อหลานสาวของเขาถูกลักพาตัวไปโดยกรุ๊ปแวมไพร์ที่ถูกฆ่าตาย

ก็เลยฉีกคำสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ของเขาที่จะออกตามหาคุณก่อนที่จะพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงคุณให้เป็นเยี่ยมในนั้น เขาร่วมการศึกคุณครูเสดโดยแฟนของหลานสาวนายอำเภอดินแดนรกร้างชายหนุ่มมือแม่นแล้วก็อดีตกาลนักสู้บรรพชิตผู้มีความชำนาญการต่อสู้ในโลกอื่นเวลาที่ อัลเดน เอเรนไรค์ ที่พวกเราก็แอบเสียดายอยู่ไม่น้อย ด้วยเหตุว่าจัดว่าเขายอดเยี่ยมในดาราลีลาท่าทางจัดจ้า กลับไม่ปังสักครั้ง ดูหนัง priest เหมือนกับใน Fair Play เขาได้ปลดปล่อยพลังการแสดงออกมาที่จัดจ้าอีกรอบ

กับหน้าที่ที่สนับสนุนความชำนาญได้ดิบได้ดี อัลเดนได้ปลดปล่อยระเบิดทางการแสดงออกมาโดยที่เขาแทบมิได้ใช้พลังงานเท่าไร เพราะเหตุว่าเขาเป็นผู้ที่สามารถต่อกรกับบทนี้ได้ดิบได้ดี เป็นบทที่อีกทั้งรักทั้งยังไม่ชอบจริงๆด้วยเหตุนี้โดยภาพรวมแล้ว Fair Play แปลงเป็นหนังสามีภรรยาตบตีกันออกหน้าหน้าจอ

ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าขยะแขยง แม้กระนั้นมันเปลี่ยนเป็นจังหวะที่เข้าถึงตัวหนังได้อย่างแท้จริง นี่ก็เลยแปลงเป็นหนังดรามาบาดใจทางอารมณ์ที่ผู้ชมจะถูกใจรวมทั้งเกลียดมันไปในขณะเดียวกัน การแสดงของดาราทั้งสองค่อนข้างจะเฉิดฉันทรงประสิทธิภาพดี จังหวะและก็โทนของหนังนำพาผู้ชมดิ่งไปกับรอยร้าวที่แสนเคร่งเคลียดของผู้แสดงทั้งสอง พร้อมด้วยสรุปตบท้ายด้วยจุดที่ เกินจะแก้ไขแบบสุดทาง

ดูหนัง priest

ดูหนัง priest (2011) นักบุญปีศาจ

คราวหลังไฟการสู้รบเผาผลาญอยู่นานหลายร้อยปี มนุษยชาติก็สามารถกำราบฝูงแวมไพร์ อันเป็นศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดลงได้ แวมไพร์ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดถูกเคลื่อนย้ายไปอยู่ในเขตกักกัน ช่วงเวลาที่มนุษย์ส่วนใหญ่ได้หนีภัยอยู่ในเมืองที่ปิดล้อมไปด้วยกำแพงรวมทั้งดูแลโดยศาสนจักร บรรพชิต ที่ได้รับการฝึกฝนให้เป็นนักสู้ความรู้ความเข้าใจสาหัสระหว่างการรบแวมไพร์ ในตอนนี้มีหน้าที่เพียงจัดการเล็กๆน้อยๆรวมทั้งดำรงชีวิตอยู่ในความเปล่าเปลี่ยว พวกเขามีรอยสักที่แจ่มกระจ่างเป็นสิ่งที่ใช้ยืนยันตัวเองและจากนั้นก็ถูกรังเกียจรังเกียจจากผู้คนรอบด้าน

แน่ๆว่าเส้นเรื่องของเซียงที่ปล่อยวางไม่ลงทำให้พวกเราลุ้นว่าเขาจะเป็นบ้าตามคำตักเตือนของสัปเหร่อศักดาที่ห้ามไว้ว่าจะเปลี่ยนเป็นแบบผู้แสดงโรเบิร์ต (จำเป็นต้องเต ธิตำหนิ ศรีนวล – ที่ควบตำแหน่งผู้กำกับหนัง) ไหม บวกกับการเรียนของเจิดที่แก้ไขปัญหาของตัวเอง มันก็ใส่รับสอนกันและกัน ทำให้ทั้งคู่เส้นเรื่องแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

ในขณะด้านความสนุกสนาน อีกทั้งนายสิบลอด ป่องที่บรรพชาเป็นพระ แล้วก็บรรดาผู้แสดงที่ไทบ้านทั้งหลายแหล่ เมื่อมาอยู่ในหนังผี ก็เบิกบานดี แม้ว่าจะยังมิได้กลมกล่อมละมุนละไมเท่าไรนัก มีหลายจังหวะที่ยังจัดแจงได้ไม่แม่น แม้กระนั้นก็เรียกเสียงหัวเราะจากคำพูดคำจา ลีลาของผู้แสดงได้ดิบได้ดีตลอดเรื่อง ทำให้มันเป็นหนังสปินออฟของ ‘ไทบ้าน เดอะซีรีส์’ ที่เหมาะสมที่สุดจนกระทั่งในขณะนี้ก็ว่าได้

หนังมีข้อสรุปที่ดี มันมีฉากจบที่สิ้นเรื่องราวของเจิดกับบิดาได้ดิบได้ดีมากมายๆเต็มไปด้วยความเข้าอกรู้เรื่อง มิได้ทำให้ข้อเท็จจริงมันสวยจนถึงพวกเรารู้สึกเหม็นเบื่ออะไร รวมทั้งถึงแม้เดาง่ายไปสักนิดสักหน่อยแม้กระนั้นก็ทำให้ต้องการเชียร์ให้จำเป็นต้องไปดูในโรงอยู่ดี Wowgame007 ยิ่งสำหรับแฟนไทบ้านยิ่งห้ามพลาดเพราะเหตุว่ามีการอัปเดตชีวิตของผู้แสดงหลักแต่ละตัวก่อนไปสู่ ‘ไทบ้าน เดอะซีรีส์ 3’ ที่จะมาถัดไปด้วย เป็นภาพยนตร์ไทยที่น่าเชียร์ที่ปีจริงๆ

รีวิว

การกลับมาร่วมงานกันเป็นคำรบ 2 ของ Paul Bettany แล้วก็ผู้กำกับ Scott Charles Stewart ที่รอบก่อนติดมือกันทำหนังสงครามเทพเทวดา Legion ซึ่งบทสรุปก็กึ่งกลางดูได้แบบไม่ผิดหวัง สำหรับ Priest นี้ตัวพล็อตหนังก็ค่อนจะคล้ายกับ Judge Dredd ผสมกับ Blade Runner โดยมีตัวร้ายเป็นแวมไพร์นั่นแหละนะครับ แล้วก็ Priest เป็นกลุ่มนักสู้ที่มีหน้าที่คุ้มครองรักษามนุษยชาติให้พ้นจากพวกแวมไพร์

รวมถึงเมื่อการสู้รบระหว่างคนกับแวมไพร์จบลง พวกก็หมดหน้าที่ รวมทั้งทางศาสนจักรก็ออกมาประกาศว่าแวมไพร์ได้พ่ายไปจนถึงหมดไป ดูหนัง priest แม้ว่าบางทีอาจทำนายใจได้ขอรับ ว่ามันยังไม่หมดหรอก และเดี๋ยวนี้มันก็บุกไปจับตัว ลูซี่ (Lily Collins) หลานสาวของบรรพชิตมือปราบระดับตำนาน ผู้ไม่มีนาม (Paul Bettany)เมื่อเขารู้ข่าวสารก็รีบขอเหล่าหัวหน้าศาสนจักรเพื่อออกไปช่วยเหลือแล้วก็ตามฆ่าพวกแวมไพร์ ถึงแม้ก็โดนปฏิเสธ จนกว่าหลวงพี่ต้องออกโรงฝ่าสันโดษไปช่วยหลานและจากนั้นก็กำจัดแวมไพร์อีกครั้ง

ตัวหนังจัดว่ามองดูเพลิดเพลินใจ ถึงแม้ว่าเรื่องจะเดาได้ ซึ่งผู้กำกับ Stewart ก็สามารถใส่ฉากบู๊กับความระทึกมาดึงความชอบใจอยู่บ่อยแล้วพี่ Paul เอ็งก็ยังนำแสดงได้ดีอีกด้วยขอรับ ถือได้ว่าเป็นคาแรคเตอร์ที่มองดู “มีอะไร” มากกว่าสมัยเล่นใน Legion ที่ศีรษะข้อนั้นมึงจะออกแนวเทพเจ้าไม่มีจิตใจที่มาเพื่อบู๊อย่างเดียว หากแม้กับเรื่องนี้ เขามีมาด มีจังหวะที่การเท่ห์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆขอรับ อย่างก่อนจะออกโรงสู้นี่ก็จะมีการภาวนาบ้าง อ่านบทสวดมนตร์บ้าง

ถ้าว่ากันที่ตัวคาแรคเตอร์หลัก จัดว่าทำเป็นไม่เลวครับ งานด้านโปรดักชั่นก็ดูล้ำใช้ได้ ทั้งในและก็นอกเมืองเลย ได้อารมณ์ Blade Runner ผสม Mad Max ดีขอรับ นักแสดงสมทบก็สมควร ที่ผมชื่นชอบมากมายก่ายกองหน่อยก็ Karl Urban กับบทฆาตกรกางล็คแฮท พี่แกดูทารุณกำลังสมควรเลยล่ะครับผม แต่พอใจบางส่วนตอนบู๊ช่วงท้ายที่พี่ท่านฉะกับหลวงพี่ไม่ค่อยพอใจมากมายก่ายกองแค่สักแค่ไหน

หนังยังมาร่วมใจจุดสำคัญรอง (ที่ฉลาดจะ) อย่างเงื่อนเกี่ยวกับการพยายามคุมทุกอย่างของศาสนจักร ที่แม้ว่าจะมีตำแหน่งเป็นตัวแทนพระเจ้า แม้กระนั้นตั้งท่าจะเป็นพระเจ้าซะเอง หรือตัวร้ายอย่างกางล็คแฮทก็ยังมีเหตุผลสำหรับเพื่อการเป็นตัวร้าย คร่าวๆหันมาเชื่อมั่นในจอมแวมไพร์ที่มอบความเป็นอมตะให้ ในขณะที่พระเจ้าไม่เคยให้โอกาสแบบนี้เลย เหล่านี้ล่ะครับผม เงื่อนแสนคุ้นชินที่เราพบได้บ่อยในหนังที่มีหลักสำคัญเกี่ยวกับศาสนา

แต่ก็เป็นการกล่าวเกริ่นเปิดเงื่อนไว้แบบนั้นล่ะขอรับ ในหนังก็ไม่ได้สืบต่อให้เชิญชวนคิดเทียวไปเทียวมากกว่านั้น (ก็มองในทางว่า คนทำตั้งใจให้ผู้ชมเอาไปคิดต่อเอง อะไรทำนองนั้น )หากถามว่า Priest กับ Legion อันไหนดีกว่ากัน ก็บางทีอาจจะจะต้องขอตอบว่า “ใกล้เคียงกัน” เพราะมันมีดีมีด้อยไปคนละอย่างขอรับ แม้กระนั้นเพียงพอหักกลับลบและมีความรู้สึกว่ามันก็เสมอภาคน่ะล่ะบอกกวนๆบ้าง ไหนจะอาวุธสารพัดพวกทั้งลับทั้งยังแจ้ง ก็ทำให้ผู้ชมเชื่อได้ไม่ยากเลยว่า หลวงพี่เป็นมือปราบระดับตำนานจริงๆ

ดูหนัง priest

นั้นถือว่าเด่นกว่า Legion ตรงคาแรคเตอร์หลักที่มีมิติมากเพิ่มขึ้น

ลูกเล่นสำหรับการต่อสู้เยอะขึ้น(พวกอาวุธลับทั้งหลายน่ะขอรับ จัดว่ามากเพิ่มขึ้นนิดหน่อย) และจากนั้นก็จังหวะการเดินเรื่องที่เปิดเงื่อนต่อเรื่องได้ค่อนข้างจะเร็ว จนกระทั่งทำให้ผู้ชมพอเพียงจะไม่มีความสนใจจุดบอดไปได้บ้าง และก็งานด้าน Effect กับโปรดักชั่น พวกภาพเมืองหรือภาพดินแดนกลางทะเลทรายจัดว่าเหมาะสม

แต่ว่าจุดด้วยเป็น หนังยังแน่นกว่านี้ได้อีกมากมายขอรับ พวกเงื่อนต่างๆหรือมิติดารารายอื่นๆนอกจากตัวแสดงนำ ยังไม่ค่อยมากไม่น้อยเลยทีเดียวมากมายก่ายกองแค่สักแค่ไหน ไม่เปรียบเสมือนใน Legion ที่เหล่าผู้แสดงมีเงื่อนในใจให้ผู้ชมเก็บไปคิดบ้าง ทำให้ยกเว้นตัวหลวงพี่มือปราบและกางล็คแฮทแล้ว ตัวสมทบเจ้าอื่นๆจะไม่เด่นซักเท่าไหร่และก็จุดด้วยที่ตกที่นั่งเดียวกับ Legion เลยก็คือ

ตัวร้ายเยี่ยม ถึงแม้ว่าตอนตีกันตอนไคลแม็กซ์กลับยังไม่เต็มอารมณ์ ดูหนัง priest อันนี้เสียดายนิดๆเพราะหลวงพี่น่ะลูกเล่นดี กำลังสมควร ส่วนกางล็คแฮทก็เก๋า มองดูเก่ง แม้กระนั้นด้านลูกเล่นหรือวรยุุทธ์กลับไม่ค่อยพิลึกเท่าไรพล็อตรองที่น่าสนใจ ก็ปล่อยให้มันหายไปแก่นแก้วๆพวกเงื่อนเกี่ยวกับคนของพระเจ้ารวมทั้งคนนอกรีต (แวมไพร์), การปิดหูปิดตาของเหล่าหัวหน้า, การเช็ดกลดชั้นอย่างไม่แฟร์ของพวก

ด้านหลังโดนปลดดำเนินการณ์ (สะท้อนถึงการเช็ดกคิดว่าเป็นเพียงเครื่องใช้ไม้สอย มากกว่าจะเป็นนักสู้ผู้มีคุณค่า เป็นมนุษย์ผู้สละ ซึ่งมีโชคชะตาเสมือนนักสู้เทมปลาร์มหาศาล ซึ่งถ้าจุดนี้เล่นดีๆขอรับ การเสียสละของเหล่าหลวงพี่ในเรื่องจะน่าสะเทือนใจขึ้นอีกมากมาย เนื่องจากพวกเขายอมปฏิบัติดีถึงตัวจะตายและก็แม้ว่าจะไม่มีซึ่งคำกล่าวชมเชยใดๆ) , แรงผลักดันให้เปลี่ยนความศรัทธาของกางล็คแฮท อื่นๆอีกมากมายก็ถือได้ว่าเป็นก้าวต่อมาที่มีทั้งเข้าทีและก็ถอยหลังครับผม แต่ว่าโดยรวมแล้วหนังก็จัดว่ามองดูได้พอเพียงเพลิดเพลินเจริญใจขอรับ

ดูหนัง priest

รีวิวหนัง “Fair Play” ดำตรงสู่ความฉิ-หายวอดวายที่ชีวิตสมรส ต้นแบบเศรษฐวิทยา

ถึงเวลามาแซ่บ กับเกมความร้อนเร่าของพวกเขาทั้งสอง กับหนังตื่นเต้นแอบซ่อนเกมการประลองบนเฉือนคมที่คงจะปะทุพอได้ อย่าง “Fair Play” ที่ติดเรท R ที่มีรายละเอียดหักเหลี่ยมกันเมื่อใดก็ตามได้โอกาสเผลอ กับจังหวะเร่งเร้าของคู่ชีวิตที่ไม่สามารถที่จะคบกันได้อย่างเปิดเผย จำต้องมาเจอหน้ากับการต่อสู้กันในบริษัทที่เสี่ยงทำให้ความรักจะต้องสะบั้น!

เกิดเรื่องราวชีวิตอันแสนสุขสมของ เอมิลี กับ ลุค วัยรุ่นที่คลุ้มคลั่งรักกันและกัน โดยที่พวกเขาหมั้นหมายตระเตรียมตบแต่งกันเร็วๆนี้ เพียงพวกเขาปฏิบัติงานที่เดียวกัน ที่มีนโยบายห้ามคบค้าสมาคมรวมทั้งมีความเกี่ยวเนื่องกันเด็ดขาด เมื่อการเลื่อนฐานะอย่างเหนือความมุ่งมาดในกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ทุกฝ่ายแข่งขันกัน เปลี่ยนเป็นจุดแตกหักระหว่างพวกเขา แล้วก็เปลี่ยนเป็นการบั่นทอนชีวิตแต่งงานที่พร้อมจะพังทลายลงได้ทุกครั้ง

นี่เป็นผลงานใหม่ของผู้กำกับหญิง “วัวลอี โดมอนต์” (จากซีรีส์ Ballers) ที่ถือว่าคัมแบ็กกลับมาทำหนังอีกทีในรอบแทบสิบปี แล้วก็ถือเป็นการกลับมาที่ออกจะท็อปฟอร์มไม่น้อย เพราะเหตุว่าหนังประเด็นนี้ค่อนข้างจะเด่นเมื่อตอนเปิดตัวฉายที่เทศกาลหนังซันแดนซ์ ตอนต้นปีที่ล่วงเลยไป โดยงานนี้คุณรับหน้าที่ทั้งยังควบคุมและก็เขียนบทเอง มันเปลี่ยนเป็นอีกงานชิ้นยอดเยี่ยมของคุณไปแล้ว

ในบางมุมมันก็เชิญชวนคิดถึงหนังออสการ์สาขาภาษาต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง ‘Departures’ (2008) อยู่เช่นเดียวกัน ที่ตัวนำมิได้เต็มอกเต็มใจกับอาชีพคนเผาศพก่อนที่จะเจอบางอย่างในนั้น แม้กระนั้นสำหรับ ‘สัปเหร่อ’ ก็มีที่ของตนสำหรับเพื่อการเล่าที่ทำให้แตกต่างจากหนังเรื่องไหน มันมีอีกทั้งความดิบสำหรับเพื่อการเสนอภาพพิธีการความตายที่บ้านๆกระทั่งมองน่าหวาด

และก็มีความเซอร์เรียลเกินตรรกะเหตุผลธรรมดาจะเรียกว่าความคัลต์ของบ้านพวกเราก็ว่าได้ ซึ่งหนังก็ใช้แนวทางพรีเซนเทชั่นให้ผู้ชมตั้งข้อซักถามต่อภาพเบื้องหน้าเอาเองบ้าง แล้วก็บางคราวก็ให้ผู้แสดงตั้งประเด็นผ่านบทพูดพร้อมคำชี้แจงจากอีกผู้แสดงที่ให้ประเด็นทั้งยังความศรัทธารวมทั้งจิตวิทยาที่สวมกอดทั้งคนรุ่นก่อนรวมทั้งคนรุ่นหลังอย่างรู้เรื่อง มันก็เลยเป็นหนังที่บอกเรื่องความตายรวมทั้งการพูดถึงผู้ที่ตายได้อย่างมีวุฒิภาวะ อบอุ่นหัวใจไม่น้อยทีเดียว

สิ่งที่คนเขียนจำต้องดูแรงๆสูงที่สุดเกี่ยวกับหนังหัวข้อนี้ก็คือการออกแบบงานสร้างครับผม พูดได้ว่าสมจริงสมจังมากมายๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายทอดบรรยากาศบ้านนอกของเมืองไทยในตอนทศวรรษ 1960 รวมทั้งมนต์เสน่ห์บางสิ่งบางอย่างของสมัยนั้นได้ออกมาสมจริงสมจังมากมายๆส่วนประกอบนิดๆหน่อยๆนี่แทบไม่มีหลุดให้มองเห็น รวมทั้งเนื้อหาในเชิงประวัติศาสตร์ที่ก็ทำออกมาได้เหมือนจริงเช่นเดียวกันกับย้อนไปถ่ายทำในวันนั้นจริงๆที่มองเห็นและอึ้งในความละเอียดลออมากมายๆรวมถึงงานด้านภาพที่ทำออกมาได้สวยสดงดงามสุดๆ

ในด้านการแสดง จำต้องกล่าวว่าการแสดงของ 4 ดาราหนังหลักนักบรรยายนั้นจัดว่ามีฝีมือและไม่มีอะไรให้ผิดหวังเลยครับผม จะมีที่ต้องการยกย่องเป็นพิเศษก็คือ หนูที่นา หนึ่งบุตรสาว ที่รับบทบาทเป็นสาวสมัยนั้นได้แบบพอเพียงมีจริตจะก้านแบบพอดิบพอดีๆแต่ว่าที่ชูให้ชั้น 1 ก็คือน้าสามารถ พยัคฆินทร์ย่ำรุ่ง ในบทคุณลุงสุนัขน ที่รอเป็นตัวกึ่งกลางให้กับทุกๆผู้แสดง ดูหนัง priest เป็นคุณคุณลุงแก่ๆใจดีที่หากเป็นพี่น้องพวกเราสักคน เขาก็น่าจะเป็นพี่น้องที่พวกเราสนิทด้วยมากมายๆอะไรแบบงี้

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %