ดูหนัง Exorcist The Beginning (2004) เต็มเรื่อง เป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่กำกับโดย Renny Harlin และเป็นภาคต่อของภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิกปี 1973 เรื่อง The Exorcist ที่กำกับโดย William Friedkin ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำหน้าที่เป็นเรื่องราวต้นกำเนิดของตัวละครบาทหลวงแลงแคสเตอร์ เมอร์ริน ซึ่งแสดงโดยแม็กซ์ ฟอน ซีโดว์ในภาพยนตร์ต้นฉบับ
โครงเรื่อง: เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1949 และติดตามคุณพ่อ Lankester Merrin รับบทโดย Stellan Skarsgård นักบวชผู้สูญเสียศรัทธาหลังจากได้เห็นความน่าสะพรึงกลัวของสงครามโลกครั้งที่สอง เมอร์รินถูกเรียกไปยังแหล่งขุดค้นทางโบราณคดีอันห่างไกลในเคนยา ซึ่งมีการค้นพบโบสถ์ลึกลับถูกฝังลึกอยู่ใต้ดิน โบสถ์แห่งนี้มีอายุย้อนกลับไปถึงยุคไบแซนไทน์ แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างใต้นั้นดูน่ากลัวกว่ามาก
ขณะที่คุณพ่อเมอร์รินเริ่มสืบสวนโบสถ์ที่ถูกขุดพบนี้ เขาก็ตระหนักว่าโบสถ์แห่งนี้มีความลับดำมืดและพลังชั่วร้ายซ่อนอยู่ ชนเผ่าในท้องถิ่นกลัวสถานที่นั้นและเชื่อว่าสถานที่นั้นถูกสาป แต่เมอร์รินมุ่งมั่นที่จะเปิดเผยความจริง ในไม่ช้าเขาก็ค้นพบว่าโบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อกักขังปีศาจผู้ทรงพลัง Pazuzu และการปรากฏตัวของปีศาจก็ตื่นขึ้นแล้ว ตอนนี้ Merrin ต้องเผชิญหน้ากับปีศาจในตัวเขาเอง และเผชิญกับความชั่วร้ายโบราณที่คุกคามที่จะกลืนกินทั่วทั้งภูมิภาค
ดูหนัง Exorcist The Beginning (2004) เต็มเรื่อง
ได้รับการวิจารณ์ทั้งในแง่ลบจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม ผู้ชมและแฟนภาพยนตร์ต้นฉบับ “Exorcist” หลายคนผิดหวังกับภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยรู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่สามารถรักษามรดกของภาพยนตร์คลาสสิกเอาไว้ได้ ประวัติศาสตร์การผลิตที่มีปัญหาของภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยมีการถ่ายใหม่อย่างกว้างขวางและการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธานผู้กำกับ ก็มีส่วนทำให้ชื่อเสียงของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ค่อยโดดเด่นนัก
แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดและมีฉากที่สะดุดตาบางฉาก แต่ก็มักจะไม่ผ่านมาตรฐานระดับสูงที่กำหนดโดยภาคก่อน การแสดงของ Stellan Skarsgård ในบทคุณพ่อ Merrin มีความโดดเด่น แต่จังหวะและการพัฒนาโครงเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์
ท้ายที่สุดแล้ว “Exorcist: The Beginning” เป็นภาพยนตร์ที่พยายามขยายตำนานของ “The Exorcist” แต่ก็ขาดผลกระทบและความสยองขวัญของต้นฉบับ มันคุ้มค่าที่จะดูสำหรับแฟน ๆ ของแฟรนไชส์ แต่อาจไม่เป็นไปตามความคาดหวังของพวกเขา
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ “Exorcist: The Beginning” ตามมาด้วยภาคก่อนอีกเรื่อง “Dominion: Prequel to the Exorcist” (2005) กำกับโดย Paul Schrader พรีเควลทางเลือกนี้ให้มุมมองที่แตกต่างกันในเรื่องพื้นฐานและตัวละครที่เหมือนกัน และบางคนมักมองว่าเป็นเวอร์ชันที่เหนือกว่า
บทเล่าตามหนังสือ แต่ว่าก็ตีกรอบรายละเอียดให้แคบลง การลบหลู่ดูหมิ่นคริสต์จักร, ความเกี่ยวพันของป๊ะป๋าคาร์รัส (เดภรรยาน คาร์รัส – Damien Karras) ที่มาไล่ผี กับสารวัตรคินเดอร์แมน (วิลเลียม เอฟ. คินเดอร์แมน – William F. Kinderman), ความอุตสาหะให้คริสต์จักรอนุมัติพิธีการไล่ผีของคาร์รัส, การดูแลรักษารีแกนด้วยแนวทางทางด้านการแพทย์ ไม่สะดุดตาเท่าในหนังสือ Wowgame007 เหมือนกับนักแสดงบริเวณตัวคริสกับรีแกน เวลาเกิดเรื่องก็สั้นกว่า ฉากแรงๆถูกลดโทนลง เพื่อเหมาะสมกับวัยผู้แสดงที่จะมาเป็นรีแกน ดังเช่น ฉากช่วยเหลือตัวเองด้วยไม้กางเขนก็สั้น และก็ร้ายแรงน้อยกว่า และก็ตัดเรื่องที่คุณท้องเดินเกลื่อนกลาดกระจัดกระจายทั่วห้องออกไป
ที่สำคัญก็คือ ลักษณะของรีแกนในหนังระบุชัดเจน แต่ว่าในนิยายทุกอาการแล้วก็ความประพฤติที่แสดงว่าบางทีอาจถูกผีสิง จะถูกถ่วงดุลโดยอ้างถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ว่าเกิดขึ้นได้ทางธรรมชาติ ชี้แจงได้ทางด้านวิทยาศาสตร์ นอกจากความลังเลใจในตนเองในตอนแรกของคาร์รัสแล้ว มุมมองต่างๆก็หายไปจากภาพยนตร์
ในสมัยของการทำศึกอาจารย์เสด บรรพชิตที่ได้รับบาดเจ็บจำเป็นต้องเดินทางผ่านสนามรบที่นองเลือดแล้วก็รกร้าง เขาได้เจอกับทหารที่ถูกแทงซึ่งกำลังหายใจไม่สะดวกรวมทั้งถือจักจี้หัวขว้างซูซู นักบวชดูไปบริเวณเขารวมทั้งมองเห็นพวกอาจารย์เซดหลายร้อยคนถูกตรึงกางเขนผ่านทะเลทราย
ในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ในปี 1949 ป๊ะป๋าแลงแคสเตอร์ เมอร์ริน ชายหนุ่มจะต้องดิ้นรนกับเลื่อมใสที่พังทลายของเขา เขาถูกหลอกด้วยเหตุในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ถูกครอบครองในตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเขารับหน้าที่เป็นบรรพชิตประจำตำบล ในตอนใกล้หมดการรบ ผู้บังคับบัญชาทุ่งนาซี SS ที่มีนิสัยทารุณไร้มนุษยธรรมเมื่อกำเนิดราคะ เพื่อโต้ตอบการฆาตกรรมทหารเยอรมันคนหนึ่งที่ถูกบังคับ Merrin มีส่วนร่วมสำหรับการประหารตามใจชอบเพื่อช่วยอีกทั้งหมู่บ้านจากการเช็ดกฆ่า
เมอร์รินได้รับการติดต่อจากนักสะสมของเก่าชื่อเซเมลิเยร์ ซึ่งเชื้อเชิญให้เขามาค้นหาของอังกฤษในช่องเขาชื่อเดราตี ในภูมิภาคเตอร์คานา ของบริติชเคนยา การค้นหานี้เป็นการคุ้ยหาโบสถ์คริสต์สมัยไบแซนไทน์ที่ทำขึ้นโดยประมาณ 500 ปีกลายคริสต์ศักราช ก่อนที่จะศาสนาคริสต์จะเข้ามาถึงภูมิภาคนั้นของแอฟริกา เซเมลิเยร์ขอให้เมอร์รินกู้วัตถุโบราณโบราณของซาตานที่มีความคิดว่าอยู่ในโบสถ์ ก่อนที่จะคนอังกฤษจะศึกษาและทำการค้นพบมัน เมอร์รินเห็นด้วยและก็เดินทางไปยังสถานที่ขุด เขาร่วมโดยป๋าฟรานซิส
เมื่อมาถึงสถานที่เกิดเหตุกับล่ามแล้วก็ไกด์ยกมา เมอร์รินได้เจอกับหัวหน้าคนงานขุด ซึ่งเป็นผู้ชายอังกฤษชื่อเจฟเฟอรีส์ซึ่งมีฝีบนบริเวณใบหน้าที่แลเห็นได้ และก็ซาราห์ โนวัค หมอ นอกจากนั้น เมอร์รินยังได้ศึกษาว่าคนขุดล่องหนไปหรือออกไปเป็นกรุ๊ป เนื่องจากชนเผ่าในเขตแดนกลัวว่าโบสถ์จะถูกสาป เมอร์รินประสบพบเห็นคนขุดเจออาการชักอย่างชี้แจงผิด
เมอร์ริน ยกมา แล้วก็ฟรานซิสไปเยี่ยมดูสถานที่ค้นหาและก็พบว่ามีเพียงแค่โดมแค่นั้นที่ถูกเปิดออก ที่เหลือของโบสถ์ถูกฝังอยู่ใต้พื้นดิน เมอร์รินศึกษาค้นพบว่าโบสถ์ที่นี้อยู่ในภาวะที่บริบูรณ์ เสมือนว่ามันถูกฝังโดยทันทีภายหลังจากการก่อสร้างเสร็จสิ้น อีกทั้งสามเข้าไปในโบสถ์ผ่านโดมและก็เจอสถานที่ในภาวะที่แทบจะบริสุทธิ์ แม้กระนั้นมองเห็นสิ่งพิศดารที่น่าวิตกกังวลสองประการ รูปปั้นเทพถืออาวุธชี้หอกลงแทนที่จะมุ่งสู่สรวงสวรรค์อย่างมีชัย รวมทั้งมีคนทำลายล้างแล้วก็ทำให้โบสถ์เสียหาย โดยวางไม้กางเขนคว่ำลง เมอร์รินและก็ฟรานซิสอนุมานได้ว่าช่างแกะสลักกำลังมานะสาธยายถึงเทพเทวดาที่กำลังควบคุมบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ใต้โบสถ์
ยิ่งไปกว่านี้ หนังแนวสยองขวัญในยุคนี้ก็มีเยอะรวมทั้งเต็มไปด้วยคอนเซ็ปต์ที่น่าดึงดูด
มากยิ่งกว่าหนังแนวๆเดิมแล้ว โดยตอนที่ ดูหนัง Exorcist The Beginning (2004) เต็มเรื่อง นั้น ก็ยังเต็มไปด้วยโปรแกรมหนังแนวคล้ายกันอยู่ในตลอดหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น The Nun II, A Haunting in Venice หรือ Saw X และก็จะมี Five Nights at Freddy’s เข้าฉายตามมาช่วงปลายต.ค.ด้วย
ด้วยเหตุนั้น นักวิเคราะห์ก็เลยคิดว่า The Exorcist: Believer คงจะทำรายได้ตลอดโปรแกรมฉายในอเมริกาถึงที่เหมาะราว41-69 ล้านเหรียญ โดยอย่างน้อยคงจะทำเงินได้เท่าทุนกับภาคที่แล้วทำไว้ แต่ว่าแม้ว่าหนังมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่น่าพึงพอใจรวมทั้งมีเสียงเชียร์แบบปากต่อปากของผู้ชมช่วยส่งเสริม ก็บางครั้งก็อาจจะทำเป็นดียิ่งกว่านั้นสักนิดสักหน่อย ด้วยเหตุว่าหนังก็จะลงฉายวีคนั้นเพียงแต่เรื่องเดียวแบบไม่มีคู่แข่งขัน ซึ่งหนังเรื่องอื่นๆเป็นการเข้าฉายแบบจำกัดโรงฉายทั้งมวล
Exorcist: The Beginning (เกิดหมอปราบผีเอ็กซ์โซสิส) (2004) (Renny Harlin) (B+) ภาคย้อนกลับไปก่อนเรื่องราวเรื่องราวในภาคแรกขอรับกับภารกิจไล่ผีคราวแรกของหลวงบิดาเมอร์ลินก่อนจะไปไล่อสุรกายพาซูซูในตัวของเรแกนนะครับ คราวนี้หลวงพ่อจำต้องเดินทางไปยังแอฟริกาเพื่อว่ากล่าวตตามการขุดโบสถ์โบราณที่ถูกฝังเอาไว้เมื่อ 1500 ปี แต่ว่าสิ่งที่เขาได้พบก็คือ พลังงานอันโหดร้ายทารุณที่หลบอยู่ อสุรกายที่เขาจำเป็นต้องประจันหน้าเพื่อทดลองเลื่อมใสของเขานั่นเอง
ภาคแหล่งกำเนิดของหนังผีเอ็กซ์โซสิสครับ ภายหลังจากมีภาคถัดมาสามภาคก็ได้เวลาย้อนไปหาแหล่งกำเนิดของมันครับผม ซึ่งภาคนี้มันโดนด่านะนะครับว่าแย่บ้างล่ะ ไม่ดีเท่าแรกบ้าง (ใครกันแน่จะไปดีเท่าวะ) แม้กระนั้นเพียงพอมาดูแล้วผมมีความรู้สึกว่า หนังแม่งดีว่ะหมายถึงมันสนุกสนานในแบบหนังสยองขวัญดี ถูกใจจังหวะเรื่องหลายๆดี เนื่องจากว่ามันเป็นหนังสยองขวัญที่เพียรพยายามไม่ตามความหนาวเย็นเยือกแบบภาคแรก ย้ำไปที่ความสยองขวัญในเรื่องแบบเต็มๆ
จริงๆหนังประเด็นนี้มันมีปัญหาทิ้งเอาไว้ว่า ซาตานกับมนุษย์แตกต่างที่ไหน
เนื่องจาก สิ่งที่หนังมันพาพวกเราไปพบเป็นภาพความโหดร้ายทารุณของผู้คนที่ทำกับมนูษบ์ร่วมกันเอง หนังพาพวกเราไปพบหลวงพี่เมอร์ลินที่หมดเชื่อถือกับพระผู้เป็นเจ้าไปแล้วในตอนท้องนาซี ซึ่งภาพความป่าเถื่อนนั้นก็ไม่แปลกว่า
มึงจะหมดเลื่อมใสกับพระผู้เป็นเจ้ากระทั่งควรเป็นนักโบราณคดีกัน เพราะเหตุว่า ภาพมันบอกแล้วว่า พระผู้เป็นเจ้าไม่เคยช่วยอะไรมนุษย์ในวันที่มนุษย์ตรากตรำเป็นภาพสงครามโลกมันเป็น ความเจ็บที่ไม่มีทางเลือนรางของคนเราเลยก็ว่าได้ หนังก็เลยพาพวกเราไปทดลองเลื่อมใสของหลวงบิดาเมอร์ลินใหม่แต่แรกเริ่มนะครับ ว่าเขาจะเชื่อถือพระผู้เป็นเจ้าอีกรอบเพื่อสู้กับภูติผีปีศาจตนนี้ได้ไหม
ด้วยความเอาจริงเอาจังที่จะทำความเข้าใจเสริมเติมเกี่ยวกับการขุดคุ้ยทางโบราณคดีวิทยา เมอร์รินก็เลยขอความเห็นกับหัวหน้านักโบราณคดี คุณเบสชัน ซาราห์บอกเมอร์รินว่าเบสชั่นบ้าไปเมื่อสามอาทิตย์ก่อนและก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลโรคจิตในไนโรบี เมอร์รินไปเยี่ยมเต็นท์ของ Bession ที่จุดค้นหา และก็เห็นภาพวาดหลายสิบชิ้นจากประดิษฐกรรมภูติผีปีศาจชนิดเดียวกันกับที่นักสะสมขอให้ Merrin หา Merrin
ไปเยี่ยม Bession แม้กระนั้นเมื่อเขาเข้าไปในห้องของเขา เขาพบว่า Bession ได้แกะไม้กางเขนไว้บนอกของเขา และก็กำลังบอกด้วยเสียงของผู้บังคับบัญชา SS ที่มีนิสัยเหี้ยมโหดเมื่อกำเนิดราคะที่ทรมาทรกรรม Merrin ในตอนการศึก แล้วต่อจากนั้น Bession ก็เฉือนคอของตนเองภายหลังบอกว่า “มีอิสรภาพ” พ่อจิโอเน็ตติเตียน ผู้คุมโรงหมอ คาดคะเนว่าเบสชันมิได้ถูกครอบครอง แต่ว่าถูก “สัมผัส” โดยภูติผี ซึ่งทำให้เขาเป็นบ้าแล้วก็ฆ่าตัวตายสุดท้าย เมอร์รินหวาดระแวงมากมาย เมื่อก่อนที่เขาจะกลับไปยังสถานที่ขุด พ่อจิโอเน็ตติเตียนได้มอบพิธีบูชาโรมันปริมาณหนึ่งให้เขาใช้สำหรับการไล่ผี ถึงแม้ว่าเมอร์รินจะอ้างถึงว่าเขาจะไม่ใช้พิธีบูชาพวกนั้นก็ตาม
เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้าน เหตุแปลกๆยังคงเดินต่อไป เด็กผู้ชายในพื้นที่ถูกจู่โจมและก็ฆ่าโดยไฮยีน่าที่ดูเหมือนจะสะกดรอยตามการขุดอย่างสม่ำเสมอทั้งยังช่วงเวลากลางวันรวมทั้งเวลากลางคืน โจเซฟ น้องชายของเขา ไปสู่สถานการณ์ที่ความจำภายหลังจากเฝ้าน้องชายของเขาถูกฉีกเป็นชิ้นๆเมียของหัวหน้าแคว้นให้กำเนิดเด็กทารกที่คลอดออกมาตายซึ่งมีหนอนปกคลุมอยู่ และก็เจฟเฟอรีส์ ชายที่เกี่ยวโยงกับการขุดก็ถูกจู่โจมในบาร์
ในเวลาเดียวกันนั้น เมอร์รินก็ศึกษาค้นพบทางเท้าที่ทำให้เกิดถ้ำใต้โบสถ์ซึ่งมีวัดนอกรีตนอกรอยโบราณซึ่งมีรูปปั้นของอสุรกายขว้างซูซู นอกเหนือจากนั้นเขายังเจอหลักฐานว่าวัดที่นี้เคยใช้สำหรับในการเซ่นสังเวยมนุษย์ด้วย เมื่อเขากลับมาเขามองเห็นชนเผ่าเขตแดนฌาปนกิจศพเด็กแรกคลอดที่คลอดออกมาตาย สิ่งนี้ทำให้เมอร์รินกำเนิดความข้องใจ เหตุเพราะมีเรื่องมีราวราวของโรคระบาดที่กำจัดอีกทั้งหมู่บ้านในช่องเขาเมื่อ 50 ปีกลาย เขาได้รับแจ้งว่าคนตายถูกฝังอยู่ในป่าช้านอกช่องเขา เมื่อเขาขุดหลุมฝังศพของคนที่คาดว่าเป็นเหยื่อของโรคระบาดนี้ หลุมฝังศพพวกนั้นก็ว่างเปล่า