0
0
ดูหนัง ออนไลน์ Kelab Rojak (2023) เดอะ โรจาค คลับ อลิเซียเป็นลูกครึ่ง บิดาของคุณเป็นคนจีนรวมทั้งแม่เป็นชาวมาเลย์ อลิเซียอาศัยอยู่ในบังซาร์ตั้งแต่คุณกำเนิด แม้กระนั้นเมื่อบิดาของคุณได้รับโปรเจ็กต์งานที่ลังกาวี ครอบครัวก็เลยจำเป็นต้องย้ายไปอยู่ที่ที่ใหม่ ที่สถานที่เรียนใหม่ของคุณ อลิเซียรู้สึกราวกับเป็นคนแตกต่าง เมื่อคุณถูกทำโทษเนื่องจากสวมชุดเด็กนักเรียนไม่เรียบร้อย
การชี้แนะ: “Kelab Rojak” เป็นภาพยนตร์ดราม่าขบขันของมาเลเซียที่ออกฉายในปี 2023 ดูแลโดย Ahmad Malik ผู้ผลิตภาพยนตร์มีชื่อ ภาพยนตร์ประเด็นนี้ใช้ชื่อจากศัพท์ภาษามาเลเซีย “Kelab Rojak” ซึ่งหมายความว่า “Mixed Club” ภาพยนตร์ผสมความตลก มิตรภาพ แล้วก็ความมากมายหลากหลายด้านวัฒนธรรมเพื่อถ่ายทอดความกลมเกลียวรวมทั้งความกลมเกลียวที่เจอในสังคมมาเลเซียที่นานาประการ
เรื่องย่อ: ดูหนัง ออนไลน์ Kelab Rojak (2023) เดอะ โรจาค คลับ
Kelab Rojak ตั้งอยู่ในเมืองกัวลาลัมเปอร์ที่กระปรี้กระเปร่า ติดตามการเดินทางของบุคคล 5 คนจากภูมิหลังแล้วก็วิถีชีวิตที่แตกต่างซึ่งบังเอิญเจอกันที่ร้านค้าโรจัก (สลัดผลไม้รวมยอดนิยมของมาเลเซีย) แม้ว่าจะมีเชื้อชาติ ภาษา แล้วก็วัฒนธรรมที่ต่างกัน พวกเขาพบว่าตนเองกำลังเป็นมิตรภาพที่ไม่น่าเป็นได้ ในช่วงเวลาที่พวกเขาเริ่มการเสี่ยงภัยที่น่าระทึกใจร่วมกัน
ผู้แสดงหลัก: Harith (แสดงโดย Shaheizy Sam) ดูหนัง ออนไลน์ Kelab Rojak (2023) เดอะ โรจาค คลับ ผู้ขับแท็กซี่ไร้กังวลและก็เฉลียวฉลาดเชื้อสายมาเลย์ ผู้ใฝ่ฝันที่จะเป็นดาวตลก Siti (แสดงโดย Maya Karin): หญิงที่มีจิตใจเมตตารวมทั้งสดชื่น เชื้อสายมาเลย์-จีน ผู้ดูแลแผงขายของกินที่จำต้องดิ้นรนและก็ใฝ่ฝันที่จะเป็นเชฟ Raj (แสดงโดย Arwind Kumar): เพศชายที่กระแหนะกระแหนแล้วก็มีอารมณ์ขันแขกซึ่งปฏิบัติงานเป็นดีไซน์เนอร์กราฟิกอิสระ
Ah Huat (แสดงโดย Afdlin Shauki): นักธุรกิจที่เล่นโวหารแล้วก็พูดเก่งที่มีเชื้อสายจีนซึ่งประสบพบเจอปัญหาด้านการเงิน Irene (แสดงโดย Joanne Kam): สตรีไม่มียางอายแล้วก็กล้าแสดงออกเชื้อสายจีนที่เป็นคุณครูสอนโยคะและก็เป็นคุณแม่เลี้ยงลำพัง ภาพยนตร์เริ่มด้วยเหตุตลกโปกฮาที่นำ Harith, Siti, Raj, Ah Huat และก็ Irene มาเจอกันที่ร้านหาบเร่ rojak ที่เป็นที่รู้จักในใจกลางเมืองกัวลาลัมเปอร์ แม้ว่าจะมีความรู้ไม่ถูกรวมทั้งเหมารวมเกี่ยวกับภูมิหลังทางด้านวัฒนธรรมของกันและกัน แม้กระนั้นเร็วนี้ๆ พวกเขาก็ศึกษาค้นพบความรักที่มีด้วยกันในเรื่องอารมณ์ขัน ของกิน และก็เมืองที่พวกเขาเรียกว่าบ้าน
เมื่อเรื่องราวคลี่คลาย กรุ๊ปตกลงใจที่จะเริ่ม “Kelab Rojak” ซึ่งพวกเขาพบปะสนทนากันเสมอๆเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรม ภาษา แล้วก็จารีตของกันและกัน ตลอดการเดินทางคราวนี้ พวกเขาได้สัมผัสกับการเสี่ยงอันตรายสุดฮา ตอนที่อบอุ่นใจ รวมทั้งความท้าที่ทดลองความกลมเกลียวของพวกเขาอย่างไรก็แล้วแต่ มิตรภาพที่พึ่งศึกษาค้นพบของพวกเขาถูกทดลองขั้นตอนสุดท้าย
เมื่อแผนการปรับปรุงอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ข่มขู่ว่าจะรื้อถอนร้านค้าเคลื่อนที่โรจักและก็แทนที่ผู้ครอบครองร้านหาบเร่ซึ่งเป็นชายชราผู้เป็นหวานใจชื่อปักดิน ขมักเขม้นที่จะกู้ร้านหาบเร่และก็รักษาความจำที่พวกเขาผลิตขึ้นตรงนั้น กรุ๊ปรวมตัวกันและก็เริ่มทำหน้าที่เพื่อปลุกจิตสำนึกรวมทั้งต่อสู้เพื่อความมีชีวิตรอดของร้านค้าเคลื่อนที่ ธีม: Kelab Rojak (2023)ความมากมายหลากหลายด้านวัฒนธรรมและก็ความเป็นอันหนึ่งอันเดียว: “Kelab Rojak”
ฉลองความสวยของความมากมายหลากหลายด้านวัฒนธรรมในมาเลเซีย และก็เน้นถึงจุดสำคัญของความพร้อมใจท่ามกลางไม่เหมือนกันมิตรภาพแล้วก็ชุมชน: ภาพยนตร์ย้ำให้มองเห็นถึงพลังของมิตรภาพและก็กรรมวิธีที่ผู้คนจากภูมิหลังที่ต่างกันสามารถรวมตัวกันเป็นชุมชนเพื่อประสบผลสำเร็จด้วยกันหัวข้อด้านสังคมและก็การส่งเสริม: ภาพยนตร์พรีเซนเทชั่นเรื่องการปรับปรุงเมืองและก็การแบ่งพื้นที่ สร้างความเข้าใจทราบเกี่ยวกับการอนุรักษ์และรักษามรดกแคว้นแล้วก็ธุรกิจ
ข้อสรุป: เดอะ โรจาค คลับ “Kelab Rojak” เป็นการเดินทางในโรงหนังที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นแล้วก็อารมณ์ขันที่ฉลองแก่นแท้ของความมากมายหลายด้านวัฒนธรรมของมาเลเซีย ด้วยพล็อตเรื่องที่น่าติดตาม กลุ่มผู้แสดงมากเรื่องสามารถ และก็ผู้แสดงที่เกี่ยวข้องกัน ทำให้ภาพยนตร์หัวข้อนี้มอบความรื่นเริงใจรวมทั้งแรงดลใจให้กับผู้ชม เวลาที่นักแสดงทำลายกำแพง ท้าแบบแผน
แล้วก็เห็นด้วยอัตลักษณ์ที่นานัปการ ผู้แสดงกลุ่มนี้สอนบทเรียนอันมีค่าเกี่ยวกับการยินยอมรับ ความพร้อมใจ แล้วก็ความงามของการอยู่ร่วมกันทางด้านวัฒนธรรม “Kelab Rojak” ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์ มันเป็นเครื่องเตือนสติถึงพลังที่มิตรภาพและก็ความแข็งแกร่งที่มาจากการยินยอมรับความไม่เหมือนของพวกเราในฐานะสังคม ภาพยนตร์หัวข้อนี้ปฏิบัติหน้าที่เป็นกระจกส่องที่งดงามของโลกที่ความจริง ชี้ให้เห็นถึงความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นเมื่อผู้คนจากนานาประการภูมิหลังมารวมกันเพื่อสร้างส่วนประกอบที่กลมกลืนกัน เหมือนกับสลัดโรจักแสนอร่อย
รีวิวหนัง “The Burial ความถูกต้องที่ถูกฝัง ดูหนัง ออนไลน์ Kelab Rojak (2023) เดอะ โรจาค คลับ
หากว่าคุณถูกใจดูหนังที่อิงมาจากสถานะการณ์จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังแนวเฉือนเฉือดต่อสู้ด้วยถ้อยคำรวมทั้งอารมณ์ที่ขวักไขว่ในชั้นศาล “The Burial ความเป็นธรรมที่ถูกฝัง” คงจะจัดว่าเป็นเยี่ยมในหนังที่คุณจำเป็นจะต้องไม่พลาด ด้วยเหตุว่านี่เป็นอีกหนึ่งหนังที่ถือเอาคดีในประวัติศาสตร์ในสังคมอเมริกันมาขึ้นหน้าจอ เพียงแค่รายนามผู้แสดงก็จำต้องเหลียวกันมามองดู กับกลเม็ดเด็ดพรายสำหรับในการแสวงหาเค้าเงื่อนเอามาแงะสู้กันที่ถึงใจถึงอารมณ์พอได้เลย
The Burial ความถูกต้องที่ถูกฝัง ได้รับแรงบันดลมาจากข้อเท็จจริงของคดีภาระคำสัญญาของแวดวงการปลงศพในอเมริกา พบเรไมห์ โอคีฟ เจ้าของธุรกิจการเผาศพที่ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ได้ตกลงใจว่าจ้างทนายผิวสี วิลลี เอ็งร์รี มาช่วยกู้เหตุการณ์ธุรกิจครอบครัว ประมือกับหน่วยงานยักษ์ใหญ่ที่บริหารเอาเปรียบบนความทุกข์ทรมานของคนอื่นๆ แปลงเป็นการต่อสู้ในชั้นศาลที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธมากรวมทั้งเสียงหัวเราะ ที่เอามาสู่ความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของสังคมแล้วก็เชื้อชาติที่อยู่ด้วยกัน
นี่เป็นผลงานปัจจุบันของผู้กำกับหญิง “แม็กกี เบ็ตต์ส” ที่ยังคงย้ำสร้างภาพยนตร์ที่ปลุกแรงดลใจให้กับผู้ชมอีกเหมือนปกติ โดยคราวนี้คุณยังมีส่วนร่วมสำหรับการเขียนบทด้วย แล้วก็ถือได้ว่าเป็นหนังเชิงการค้าเรื่องแรกๆในอาชีพของคุณ ภายหลังที่เคยสั่งสมประสบการณ์ทำหนังฟอร์มเล็กๆกับหนังสั้นมาบ้างกระจายในตอนสิบปีที่ล่วงเลยไป ดังนี้ The Burial ความชอบธรรมที่ถูกฝัง บางครั้งก็อาจจะเป็นดรามาข้อบังคับที่เกือบจะมิได้มีท่วงทีอะไรบ้างในแง่ความแปลกใหม่ในตนเอง โหมดของการเล่าเรื่องรวมทั้งเค้าโครงเรื่องก็ออกจะใช้สูตรสำเร็จของหนังแนวๆนี้แบบเดิม
กิมไม่กลูกเล่นต่างๆก็มิได้ประยุกต์ใช้เยอะมากอะไร มันเป็นการร้อยเรียงเรื่องไปแบบเรื่อยเป็นลำดับขั้นตอนที่ควรเป็น ซึ่งถ้าหากว่าใครกันแน่มิได้ถูกใจหนังแนวที่บอกเยอะแยะแล้วก็เต็มไปด้วยไถ่ถามในชั้นศาล คุณอาจจะรู้สึกเบื่อและก็ปิดหนีไปกลางทางได้ แม้กระนั้นในเมื่อพล็อตใส่เข้ามาแบบปกติอย่างงี้ ถือว่าโชคดีที่ The Burial ความเป็นธรรมที่ถูกฝัง มีความทรงประสิทธิภาพอยู่ที่องค์ประกอบในเรื่องราวของตนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะว่าหนังประเด็นนี้แทรกสอดเรื่องการฉ้อโกงโกง แล้วก็ความอยุติธรรมที่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้คนออกจะวงกว้าง
โน่นก็เลยเป็นจุดซึ่งสามารถอิมแพคสตอปรี่ให้มีปฏิกิริยา ต่อผู้ชมได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ ถึงแม้ The Burial ความชอบธรรมที่ถูกฝัง จะค่อนข้างจะสร้างออกมาราวกับหนังที่ออกฉายทางโทรทัศน์ไปสักนิดสักหน่อย แม้กระนั้นอย่างต่ำๆหนังก็ยังใส่จังหวะที่ออกจะโอเคใช้ได้เข้ามาเรื่อยเพียงแค่มิได้มีท่วงทีที่สลับซับซ้อนอะไร ที่พอเพียงจะมีผลให้หนังถูกยกฐานะแตะต้องไปถึงชั้นงานประสิทธิภาพขนาดนั้น เป็นหนังข้อบังคับที่ทำออกมาได้ตามมาตรฐานที่จะต้องเป็น
และก็ส่วนประกอบที่สะดุดตารวมทั้งช่วยตัวหนังได้มากที่สุดก็จะต้องชูให้กลุ่มดาราหนัง ที่จะต้องขอบคุณมากที่หนังหัวข้อนี้ได้ดาราหนังระดับมือโปรมาร่วมแจมมากมาย ก็เลยเป็นส่วนประกอบซึ่งสามารถวางใจได้สบายๆเลย “เจมี ฟ็อกซ์” สามารถทำให้บทนักแสดงของเขาที่ออกจะตื้น กลับดูดีรวมทั้งมองมีมิติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยความถนัดการแสดงแล้วก็อินเนอร์การออกแบบจากวิถีของเขาเอง ที่ทำให้เอาหนังประเด็นนี้ได้อย่างอยู่มือ
รีวิวหนัง “Ballerina ร่ายระบำฆ่า
ในรอบปีให้หลังนับว่าหนังประเทศเกาหลีทางสตรีมไม่งไปได้สุดอยู่หลายเรื่อง และก็แปลงเป็นคอนเทนท์ที่ทั่วทั้งโลกจะต้องจับตาดูอยู่เป็นประจำๆแล้วหลังจากนั้นก็มาถึงคิวปัจจุบันของหนังแอคชันโกรธมากพลังหญิง อย่าง “Ballerina ร่ายระบำฆ่า” ที่ได้กลิ่นอายความดิบโหดร้ายโชยออกมาตั้งแต่บนใบปิดเลย นี่บางครั้งอาจจะเป็นหนังบู๊ระห่ำ ที่บางครั้งอาจจะมาสร้างเป็นบรรทัดฐานใหม่ให้กับสายหนังแอคชันประเทศเกาหลีอีกประเด็นก็เป็นได้
Ballerina ร่ายระบำฆ่า ว่าเรื่องราวของ อ๊กจู ที่เคยดำเนินงานเป็นบอดี้การ์ดหญิงมาก่อน Wowgame007 มีความถนัดเลิศล้ำในศิลป์การต่อสู้ ฟับดาบ ยิงปืน หรือขับรถหวาดเสียว คุณเป็นเพื่อนซี้กับ ไม่นฮี สาวนักบัลเลต์ที่เริ่มจะมีอนาคตที่ไกล จนกระทั่งไม่นฮีได้ขอให้อ๊กจูช่วยบางสิ่ง มันก็คือการแก้เผ็ดเอาคืน โปรชเว โน่นก็เลยเป็นจุดเริ่มแรกที่คุณยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อล้างแค้นให้สหายอย่างไม่รีรอรวมทั้งนี่เป็นผลงานปัจจุบันของผู้กำกับชายหนุ่มไฟแรง(รวมทั้งหล่อ)
อย่าง อีชองฮยอน ที่เคยเดบิวต์จากหนังลึกลับรวมผู้แสดงฝ่ายหญิงเรื่องที่แล้วใน The Call ที่จัดว่าเขาเป็นนักสร้างภาพยนตร์แบบใหม่ที่กำลังเป็นที่เรียกร้องตัวของสตูดิโอต่างๆในยุคนี้ แล้วก็ Ballerina ก็เป็นผลงานที่ท้าของเขาอีกรอบ ด้วยรายละเอียดที่เข้มข้นรวมทั้งฉุนเฉียวเหิมใจตรงตามคอนเซ็ปต์ แน่ๆว่ามันคงหลบหลีกมิได้หรอก ที่จะนำไปถูกเปรียบเทียบกับหนังแนวๆนี้ฝั่งฮอลลิวูด อย่าง John Wick หรือ Atomic Blonde อะไรเทือกนั้น แล้วยิ่ง Ballerina ก็ยังมีชื่อเดียวกันกับหนังภาคแยกของจอห์น วิค อย่าง Ballerina
ที่จะออกฉายปี 2024 มั่นใจว่าหนังทั้งคู่เรื่องคงจะถูกทับทับกันในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอนคอนเซ็ปต์รวมทั้งเค้าโครงเรื่องของ Ballerina ก็มิได้มีอะไรที่สลับซับซ้อนแล้วก็แปลกใหม่ ก็เป็นหนังแอคชั่นแก้เผ็ดแบบเดิมๆแต่ว่ากิมไม่กของหนังอยู่ตรงที่การวางแบบท่าทางลีลาท่าทางบู๊ต่างหาก คุณเกือบจะไม่ต้องไปพึงพอใจรายละเอียดอะไรมากมายในหนังประเด็นนี้ มองเอามันกับฉากต่อสู้ ตาต่อตา
ฟันต่อฟัน ของนักแสดงหลักกันเลยดีกว่าBallerina ก็ตามคอนเซ็ปต์..ไม่ค่อยพูดต่อยหนัก เน้นย้ำออกจังหวะงานบู๊ยอดเยี่ยมก็พอเพียง แล้วหนังประเด็นนี้ก็มีงานวางแบบและก็ส่วนประกอบต่างๆที่ออกจะมีเทสต์ที่ดี แม้ว่าจะบ่อยๆกับหนังฮอลลิวูดไปบ้าง แต่งานสร้างทั้งยังการจัดแสงสว่าง ย้อมภาพ แล้วก็ดีไซน์ฉากต่างๆทำออกมาได้น่าพึงพอใจ แล้วก็จัดจ้าด้วยลูกเล่นของสี ที่ช่วยบิวท์อารมณ์แล้วก็โทนของหนังได้ดิบได้ดี
รีวิวหนัง “Totally Killer ย้อนเวลาหาคนร้าย”
จะกำเนิดอะไรขึ้น..ถ้าเกิดพวกเราสามารถย้อนเวลากลับมาแสวงหาตัวฆาตกรโรคจิตในสมัยก่อนได้ เพื่อยั้งเรื่องโศกเศร้าที่จะเกิดขึ้น มันเปลี่ยนมาเป็นพล็อตภาพยนตร์ตลกสยองขวัญเรื่องปัจจุบัน อย่าง “Totally Killer ย้อนเวลาหาคนร้าย” ที่เป็นการประสมประสานหนังคลาสสิกดังๆมานำยำรวมกันเป็นของกินจานใหม่ที่ได้รสในอีกแนวทางแต่ว่ายังรู้จักดีTotally Killer ย้อนเวลาหาคนร้าย เล่าราวปัญหาที่ยังปรารถนาการคลี่คลาย เมื่อฆาตกรโรคจิตอันโด่งดัง อย่าง Sweet Sixteen ที่ก่อเหตุฆ่าเด็กหญิงวัย 16 ในคืนวันฮาโลวีน
ด้วยผู้กระทำระหน่ำแทง 16 แผล ได้กลับมาเผยตัวและก็ก่อเหตุอีกรอบในอีก 35 ปีถัดมา และก็เหยื่อรายปัจจุบันของนั่นก็คือคนใกล้ตัวของ เจมี ทำให้คุณได้บังเอิญย้อนเวลากลับไปในปี 1987 ซึ่งเป็นช่วงๆเวลาก่อนที่จะเรื่องโศกเศร้ากลุ่มนี้จะเริ่มขึ้น ก็แน่ๆว่าหนังหัวข้อนี้ก็ราวกับเป็นส่วนประกอบของหนังคลาสสิกดังๆอย่าง Back to the Future กับ Scream ซึ่งก็ตามอย่างงั้นล่ะ ด้วยเหตุว่าหนังเองก็อ้างอิงไอเดียเกี่ยวกับกลิ่นของความอมตะของพวกนั้นเอาไว้ภายในตัวหนังด้วย โดยได้ผลสำเร็จการงานดูแลของ “ท้องนาห์นัทชกา คาน
” โปรดิวเซอร์การ์ตูนซีรีส์โด่งดัง อย่าง American Dad! ที่กลับมาถือจับงานสร้างภาพยนตร์ใหญ่อีกรอบหนึ่งTotally Killer เป็นเลิศในโปรเจกต์ของ Blumhouse สตูดิโอผู้มีความชำนาญการสร้างคอนเทนท์เขย่าขวัญในยุคนี้ โดยหนังก็มีกลิ่นความเป็นหนัง Slasher ปกติ แม้กระนั้นดัดแปลงแก้ไขและก็หยอดป้ายความผิดคอมเมดี้เข้าไป เพิ่มเสน่ห์ด้วยกิมไม่กความ Nostalgia
ที่กำลังนิยมสำหรับในการแทรกสอดเข้าไปในคอนเทนท์ของยุคนี้รายละเอียดของหนังบางครั้งอาจจะมิได้มีอะไรใหม่ ก็เดิมตามหมากสูตรสำเร็จที่รู้จักของหนังแนวไล่ฆ่ารวมทั้งการฆาตกรรม และการแสวงหาว่าผู้ใดเป็นคนร้ายตัวจริง ถือว่านี่ไม่ใช่พล็อตที่หอมอะไรเท่าใดนัก เพียงแต่ว่ามันก็มีเสน่ห์ในตัวของมันเองเช่นกัน และก็เป็นอะไรที่คงจะคลิกกับผู้ชมได้ยากสักเท่าไหร่
รีวิวหนัง “PAW Patrol กรรมวิธีน้องหมาสี่ขา เดอะ ไมตี้ มูฟวี่”
ยังคงสร้างรอยยิ้มแล้วก็ความอิ่มเอมหัวใจให้กับคุณผู้ชมทุกวัยได้อยู่เป็นประจำ สำหรับภาพยนตร์แอนิเมชัน “PAW Patrol: The Mighty Movie กรรมวิธีน้องหมาสี่ขา เดอะ ไมตี้ มูฟวี่” ด้วยการกลับมาพร้อมความสนุกสนานร่าเริงกันแบบจุกๆประสมประสานความแอ็คชัน เผชิญภัย และก็ความแปลกใหม่ในรายละเอียดแฟนาตาซีได้อย่างดีเยี่ยม มีทั้งยังชวนขัน รวมทั้งซึ้ง ผสมแง่คิดที่ตามมาตรฐานของตนไว้เหมือนเคย เจาะกรุ๊ปเด็กรวมทั้งครอบครัวได้อย่างงดงาม
กระบวนการน้องหมาสี่ขา เดอะ ไมตี้ มูฟวี่ เล่าราวเมื่ออุกกาบาตมนตร์ตกลงใส่แอดเวนพบร์ สิตี้ ก็ทำให้เหล่าหมาเที่ยวตรวจมีพลังพิเศษขึ้นมา สำหรับสมาชิกตัวเล็กจิ๋วที่สุดของกลุ่มอย่าง สกาย พลังพิเศษพวกนี้ราวกับฝันที่เป็นจริง แต่ว่าทั้งหมดทุกอย่างกลับกันเมื่อคู่ปรับชั่วนิจนิรันดร์ของเหล่าหมาเที่ยวตรวจอย่าง ฮัมดิงเกอร์ หนีออกจากคุกออกมาร่วมกลุ่มกับ วิคตอเรีย แวนซ์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ลุ่มหลงในอุกกาบาต เพื่อจะลักขโมยพลังพิเศษรวมทั้งสลับตัวเองให้แปลงเป็นยอดเยี่ยมคนร้าย
การกลับมาในคราวนี้มีรายละเอียดที่ผสมความแฟนตาซีเข้ามาได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการนำอุกกาบาตเวทมนตร์คาถามาปูเรื่องราวให้เหล่าหมานั้นได้รับพลังดีเลิศ รวมทั้งกล้าแกร่งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในคราวนี้หมาตัวหลักหมายถึงสกาย สมาชิกตัวจิ๋วที่ขาดความเชื่อมั่น ด้วยรูปร่างที่เล็กมากยิ่งกว่าสมาชิกในกลุ่มซึ่งเป็นเงื่อนของผู้แสดงที่เติมแต่งเสริมการให้ข้อคิดเตือนใจในความเชื่อมั่นในตนเองได้อย่างดีเยี่ยม
สำหรับในการเดินเรื่องค่อนข้างจะย่อยง่าย เล่ารายละเอียดอย่างไม่อ้อมค้อมไม่สลับซับซ้อน แต่ว่าก็ออกจะทำให้แผนภูมิเส้นเรื่องเรียบไปพอเหมาะพอควร เพราะว่าไม่มีฉากที่ทำให้พวกเรารู้สึกว้าว หรือถึงจุดไคลแมกซ์เท่าไรนัก ทั้งยังแก่นการเล่าภูมิหลังผู้แสดงยังสร้างออกมาให้มองเห็นถึงความจำเจของตัวบทที่คุณผู้ชมบางทีอาจจะเคยสัมผัสกันมาบางแล้ว เนื่องจากบ่งบอกถึงถึงข้อเสียของตัวเองที่ฝังใจและไม่สามารถก้าวผ่านมันไปได้ แม้กระนั้นเมื่อมีอุกกาบาตเวทมนตร์คาถามาเพิ่มพลังพิเศษเป็นราวกับสิ่งเติมเต็ม
รีวิวหนัง “14 อีกที I Love You Two Thousand
พวกเราต่างกำลังตกอยู่ท่ามกลางความ Nostalgia ในหมู่คนที่เฝ้าเรียกร้องหาถึงอดีตกาลที่หอมหวาน อย่างรวดเร็วๆนี้ก็เพิ่งกำเนิดเทรนด์นิยมสมัย Y2K กันมา (ถึงแม้ปัจจุบันนี้มันจะเจือจางลงไปบ้างแล้ว) โน่นก็เลยทำให้ไปสะดุดกับคอนเซ็ปต์ภาพยนตร์ไทยโรแมนติกคอมเมดี้ “14 อีกที I Love You Two Thousand” เข้าแบบเข้าแผนจังๆกับหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราววันวานที่เต็มไปด้วยความจำ สูตรสำเร็จที่ทำออกมาจำนวนกี่ครั้งๆก็ยังคงเวิร์กอยู่
14 อีกรอบ I Love You Two Thousand เกิดเรื่องราวของ กิ๊บ สมัยก่อนผู้เรียนดีเด่นได้กลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวะ แต่ว่าดันมาพบ ต้อ สมัยก่อนเพื่อนฝูงเคยสนิท ที่ดูอย่างกับว่าพวกเขาทั้งสองมีอะไรที่ยังค้างคากันอยู่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ กัน น้องชายตัวยุ่งของกิ๊บ แอบปิ๊ง ผิง เด็กนักเรียนที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่ ทำให้เขาไปหารือเพื่อนฝูงๆในกลุ่มหัวสุนัข เพื่อปราบหัวใจของคุณคนนี้ แปลงเป็นเงื่อนสะกิดหัวใจที่อิ่มเอมวัยรุ่นสมัยนั้นเข้าอย่างจัง!
นี่ก็คือผลงานปัจจุบันของผู้กำกับ “กระเป๋า-นฤบดี เวชศาสตร์” ที่ปังพลิกล็อกจากหนังเรื่องก่อน อย่าง Low Season สุขสันต์วันไม่มีแฟน เมื่อไม่กี่ปีกลาย ก็เลยทำให้เวลานี้เขาดูเหมือนจะแปลงเป็นนักสร้างภาพยนตร์แนวรอมคอมตัวบิดาอีกคนภายในช่วงปัจจุบันนี้ไปเสียแล้ว ด้วยลีลาท่าทางรวมทั้งมุมมองของเขาที่มีแนวถนัดสำหรับเพื่อการแต่งเรื่องด้วยมุมภาพที่ร้อยแรงมาจากธรรมชาติ เพิ่มเติมกับบทหนังรัก ซึ่งในกาลครั้งหนึ่งมันเคยเวิร์กมาแล้ว แต่ว่าสำหรับในคราวนี้ดูเหมือนจะ..ยังไม่ค่
เปลี่ยนไปเป็นว่า 14 อีกที I Love You Two Thousand เป็นหนังที่มีไอเดียกับคอนเซ็ปต์ที่ค่อนข้างจะแจ่มชัด แต่ว่ายังไม่กระจ่างด้วยแนวทางติดต่อสื่อสารและก็ร้อยเรียงเรื่องราวออกมาให้แปลงเป็นหนังซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับผู้ชมได้อย่างมีคุณภาพ ปัญหาหลักของหนังก็ยังคงคือปัญหาเดิมๆบทหนังแล้วก็เส้นเรื่องที่มากับความพากเพียร แบบบากบั่นมากมายที่จะขยี้ต่อความ Nostalgia ให้กับหนัง กระทั่งมันมองล้นและก็เกินความจำเป็น
เอาจริงเอาจังๆบทหนังประเด็นนี้ก็มีอยู่เพียงแค่ถือมือเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังออกจะกระพร่องกระแพร่งในขั้นตอนการเล่ารวมทั้งเรียบเรียงให้ได้น่าเชยชมด้วย เปลี่ยนเป็นบทหนังที่ไม่มีความแตกต่างกับการเป็นมิวสิควิดีโอยาวๆที่มีความยาวแทบ 2 ชั่วโมง กับแนวทางที่สะเปะสะปะไปๆมาๆตามทาง แค่เพียงเพื่อต้องการจะใส่กิมไม่กอันสะดุดตาต่างๆในตอนสมัย Y2K เข้าไป เพื่อผู้ชมได้รับรู้ว่า “ในหนังประเด็นนี้มีสิ่งนี้ด้วยนะ” แต่ไม่คำถึงความกลมกล่อมรวมทั้งกลมกลืนสักเท่าไหร่
