Bono & The Edge A Sort of Homecoming with Dave Letterman (2023)

Bono & The Edge A Sort of Homecoming with Dave Letterman (2023)
0 0
Read Time:13 Minute, 12 Second

Bono & The Edge A Sort of Homecoming with Dave Letterman (2023)   ในรูปภาพยนตร์สารคดีการแสดงดนตรีที่ทุกคนรออย่างใจจดใจจ่อ  ซึ่งมีชื่อเสียงจากหน้าที่ในตำนานของวงดนตรีร็อคชื่อดังสุดยอด U2 พาผู้ชมเดินทางอย่างใกล้ชิดรวมทั้งน่าเร้าใจผ่านเรื่องราวอาชีพของพวกเขา ควบคุมโดยผู้ผลิตภาพยนตร์มีชื่อ Martin Scorsese ภาพยนตร์หัวข้อนี้เก็บการแสดงคืนสู่เหย้าที่ไม่ซ้ำใครเมื่อวงดนตรีกลับมารวมกลุ่มกับ David Letterman ผู้จัดรายการรายการทอล์คโชว์ในตำนาน ประสบการณ์การดูภาพยนตร์ที่น่าสนใจดวงใจนี้ผสมการสัมภาษณ์อย่างไม่อ้อมค้อม ฟุตเทจเบื้องหน้าเบื้องหลัง แล้วก็การแสดงสดที่ยากจะลืมเพื่อฉลองมรดกที่จีรังยั่งยืนของ U2

Bono & The Edge A Sort of Homecoming with Dave Letterman (2023)

 

เรื่องราว: Bono & The Edge A Sort of Homecoming with Dave Letterman (2023)

“งานคืนสู่เหย้า” เจาะลึกชีวิตของ Bono และก็ The Edge สองบุคคลที่มีอำนาจที่สุดในวงการดนตรีร่วมยุค ภาพยนตร์พรีเซ็นท์จุดเริ่มนิดๆหน่อยๆของพวกเขาในดับลิน ไอร์แลนด์ รวมทั้งการจัดตั้ง U2 ในช่วงปลายสมัย 70 ผู้ชมจะได้มองเห็นการก้าวขึ้นสู่ความเป็นศิลปินของวงและก็ผลพวงที่พวกเขาสร้างในวงการดนตรีสุดยอดด้วยอัลบั้มที่แปลกอย่าง “The Joshua Tree,” “Achtung Baby” แล้วก็ “All That You Can’t Leave Behind”

หัวใจของภาพยนตร์หัวข้อนี้อยู่ที่การกลับมาเจอกันครั้งพิเศษของพวกเขากับ David Letterman ผู้จัดรายการรายการทอล์คโชว์ยามดึกอันดัง ซึ่งเคยให้วงดนตรีในรายการของเขาหลายที ด้วยไหวพริบปฏิภาณรวมทั้งเสน่ห์ที่หาตัวจับยากของเล็ตเตอร์แมน การตอบสนองระหว่างผู้ดำเนินรายการแล้วก็นักเล่นดนตรีก็เลยเต็มไปด้วยขณะที่อบอุ่นและก็เฮฮา เคมีระหว่างเพื่อนพ้องอีกทั้งสามนั้นกระจ่างแจ้งเมื่อพวกเขารู้สึกนึกถึงการเจอกันทีแรกและก็แบ่งปันเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากมิตรภาพอันนานของพวกเขา

การแสดงดนตรี:ภาพยนตร์จบสิ้นลงด้วยการแสดงดนตรีสดที่น่าทึ่งซึ่งจัดขึ้นในดับลิน ซึ่ง U2 มอบการแสดงอันทรงอำนาจ ด้วยวิธีการอันช่ำชองของสกอร์เซซี ผู้ชมจะถูกพาไปที่แถวหน้าของการแสดงดนตรี สัมผัสมนต์ขลังรวมทั้งพลังที่ดนตรีของ U2 อย่างใกล้ชิดเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ Bono และก็ริฟฟ์กีตาร์ที่ปลุกจิตวิญญาณของ The Edge ย้ำเตือนให้โลกทราบว่าเหตุไรวงนี้ก็เลยยังคงเป็นเลิศสำหรับในการแสดงที่เป็นที่ชอบใจสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ข้อมูลเชิงลึกเบื้องหน้าเบื้องหลัง: นอกจากดนตรีรวมทั้งการแสดงแล้ว “งานคืนสู่เหย้า” ยังพรีเซ็นท์มุมมองที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับกรรมวิธีการประดิษฐ์ของวง บทสัมภาษณ์ของ Bono และก็ The Edge

เปิดเผยให้มีความเห็นว่าพวกเขาจัดแจงกับความโด่งดัง ใจความสำคัญด้านสังคม และก็พัฒนาการของดนตรีในตอนหลายทศวรรษได้ยังไง ภาพยนตร์หัวข้อนี้ยังเจาะลึกถึงความอุตสาหะด้านมนุษยธรรมของพวกเขา โดยย้ำถึงความขมักเขม้นของพวกเขาที่มีต่อปัจจัยต่างๆตั้งแต่การบรรเทาความแร้นแค้นไปจนกระทั่งการตระหนักถึงความเคลื่อนไหวลักษณะภูมิอากาศ

มันย้ำถึงความรู้ความเข้าใจของวงในการเชื่อมความแตกคอ Bono & The Edge A Sort of Homecoming with Dave Letterman (2023)  และก็นำผู้คนมารวมกันผ่านดนตรี ตั้งแต่ถนนในไอร์แลนด์ไปจนกระทั่งเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทั้งโลก ดนตรีของ U2 ได้สะท้อนหัวใจผู้ชมทุกภูมิหลัง พิสูจน์ให้มีความคิดเห็นว่าอิทธิพลของพวกเขามีมากยิ่งกว่าความเบิกบานใจเพียงอย่างเดียวผลสรุป: “Bono & The Edge: การคืนสู่เหย้ากับ Dave Letterman”

เป็นการฉลองมิตรภาพ ดนตรี และก็จิตวิญญาณที่จีรังยั่งยืนของ U2 โดยแสดงความยำเกรงต่อการเดินทางอันน่าทึ่งของวงดนตรี พร้อมพรีเซ็นท์มุมมองแบบสนิทสนมในชีวิตของสองไอคอนที่ดนตรี เมื่อภาพยนตร์หัวข้อนี้เก็บรวบรวมเรื่องราวส่วนตัว บทสัมภาษณ์ที่ขวานผ่าซากรวมทั้งการแสดงอันน่าละลานตา มันตอกย้ำซ้ำเติมจุดยืนของ U2

ที่ไม่เพียงแค่เป็นมหาอำนาจทางดนตรีเพียงแค่นั้น แม้กระนั้นยังเป็นกำลังขับเขยื้อนสำหรับในการเปลี่ยนเชิงบวกในโลกอีกด้วย ภาพยนตร์สารคดีการแสดงดนตรีที่น่าประทับใจนี้จะก่อให้ผู้ชมได้รับแรงดลใจและก็ย้ำเตือนถึงสัญลักษณ์ที่ลบไม่ออกที่ Bono, The Edge รวมทั้ง U2 ได้ทิ้งเอาไว้ภายในโลกของดนตรีแล้วก็อีกเยอะแยะ

รีวิวหนัง “Paradise พาราไดซ์

แล้วก็นี่เป็นหนังไซไฟกลิ่นสไตล์ดิสโทเปียจากเยอรมัน ที่มีเส้นเรื่องกับคอนเซ็ปต์น่าดึงดูดเกี่ยวกับสิ่งใหม่ล้ำลึกเกี่ยวกับอายุบาปรวมทั้งเทคโนโลยี เอามาสู่หนังชื่อเชยๆว่า “Paradise พาราไดซ์” ที่ว่าด้วยการค้าขายอายุกับเวลาของผู้คน แม้กระนั้นมันจะเวิร์กรวมทั้งทำเป็นลึกซึ้งหรือเปล่าParadise เกิดเรื่องราวของ มักซ์ กับ เอเลน่า ที่มีชีวิตแทบเพอร์เฟ็ค แม้กระนั้นเมื่อทั้งสองไร้สติปัญญาจ่ายค่าเคลมรับรองที่ไม่คาดคิด

ทุกสิ่งก็เลยกลับไปในทันทีทันใด เอเลน่า จำต้องยอมเอาช่วงชีวิต 40 ปีของคุณ “เข้าแลกเปลี่ยน” เพื่อหารายได้มาใช้หนี้ใช้สิน เมื่ออนาคตที่มีด้วยกันมาถูกพรากไป ทั้งสองจะต้องพบเจอกับเศษเสี้ยวชีวิตที่เหลืออยู่ มักซ์ ซึ่งดำเนินการที่บริษัทอีออนพากเพียรทำทุกวิธีการเพื่อทวงช่วงชีวิตของเอเลน่าที่เสียไปกลับมา แม้กระนั้นทุกๆสิ่งทุกๆอย่างจะไม่มีทางดังเดิมอีกต่อไป

อย่างที่เกริ่นเอาไว้ข้างต้นว่า Paradise มีคอนเซ็ปต์ที่น่าดึงดูดดี การยกข้อความสำคัญจากแนวทางด้านวิทยาศาสตร์อันน่าเกินจริง หากว่ามันจะมองไม่น่าเชื่อแล้วก็เกินจริงไปสักนิดสักหน่อย แต่ว่าก็ยังน่าดึงดูดดี ถึงหนังจะชี้แจงเกี่ยวกับแนวความคิดนี้เพียงแค่นิดๆหน่อยๆแต่ว่าจุดนี้ก็นับได้ว่าเป็นเส้นเรื่องที่ค่อนข้างจะแข็งแกร่งของประเด็นนี้ เพียงแต่ว่าการร้อยเรียงเรื่องราวยังวนอยู่ในเซฟโซนไปสักนิด

Paradise เป็นหนังที่มีผู้กำกับถึง 3 คน กับผู้เขียนบท 3 คน มาช่วยเหลือกันปลุกปั้นทำโปรเจกต์นี้ ถึงแม้ว่ามันจะมีความไซไฟรวมทั้งยิ่งใหญ่ แต่ว่าดูท่ามันจะยิ่งใหญ่เกินกำลังไปสักนิดสักหน่อย จากคอนเซ็ปต์ที่มองน่าดึงดูด เมื่อมาเล่าในหนังแล้ว เสน่ห์ของมันกลับลดหลั่งลงไปอย่างโชคร้าย เพราะเหตุว่าในที่สุดก็เป็นเพียงแค่หนังไซไฟไล่ล่ากันแบบเดิมๆที่ใส่ความแปลกใหม่อะไรไม่ค่อยได้เยอะแค่ไหน

งานสร้างของ Paraside จัดได้ว่าดีตามมาตรฐานหนังฝั่งยุโรป มันไม่ค่อยเน้นย้ำวิธีพิเศษหรือซีจีอะไรมากมายมากมายอะไร ส่วนใหญ่จะใช้โปรดักชั่นวางแบบเข้ามาช่วยสำหรับการช่วยเหลือเรื่องราวแทน ทั้งยังบรรยากาศของหนังก็ค่อนข้างจะจัดแสงสว่างออกมาค่อยข้างมืดตลอดทั้งเรื่อง การใช้แสงสว่างน้อยๆเข้ามาช่วยบิ้วต์ ก็มีทั้งยังแง่รวมทั้งแง่ร้าย อย่างต่ำๆมันก็ทำให้พวกเราเกือบจะไม่เห็นเนื้อหาในหนังแบบชัดๆเลย

 

Bono & The Edge A Sort of Homecoming with Dave Letterman (2023)

รีวิวหนัง”ปรากฎการณ์

จุมภฏ มั่งคั่งรุ่งเรืองสินทรัพย์ บางทีอาจไม่ใช่ชื่อที่เคยชินกับคนทั่วๆไปนักเนื่องจากว่านักธุรกิจผู้ครอบครองแบรนด์ “โก๋แก่ สนุกทุกเม็ด” ผู้นี้บางทีอาจมิได้ทำหนังเป็นอาชีพพอๆกับธุรกิจที่ทำให้ถั่วดินแล้วก็ถั่วอีกหลายประเภทติดอันดับและก็เคยปากคนซื้อมากยิ่งกว่า แต่ว่ามั่นใจว่าคนชอบดูหนังไทยที่ติดตามบรรดาหนังอินดี้ หนังอิสระระยะหลังปี คริสต์ศักราช 2000 ที่ไม่คิดว่าจะมีคนใดกันกล้าสร้างออกมา

หนึ่งในผู้ที่ได้การสนับสนุนหลักของหนังพวกนั้นก็คือโก๋ฟิล์มถ่ายรูป รวมทั้งการเป็นผู้ช่วยเหลือให้กับหนังต่างชาติสไตล์อินดี้โดยผู้แทนจำหน่ายอิสระอีด้วยตัวคุณจุมภฏเองเคยกระโดดลงมาทำหนังปริมาณยาวสำหรับฉายโรงแล้ว 1 เรื่องโน่นเป็น ‘Sur-Real’ ในปี พุทธศักราช 2557 ที่ตามกระแสภาพยนตร์ไทยออมนิบัส (Omnibus) เล่าแบ่งได้เป็น 3 หนังสั้นย่อยโดยมีความบากบั่นกล่าวถึงสังคมไทยที่มีความเซอร์เรียล

ถือจับหัวข้อเล็ก หลักสำคัญน้อย ประเด็นการมีชู้ ผู้ขายรับรองรวมทั้ง LGBTQ มาเล่าแบบแหกกรอบแหวกขนบ แต่ว่าติดปํญหาเรื่องโปรดักชันที่ยังไม่ลงตัวนักมาถึง ‘ปรากฎการณ์’ หรือในชื่อที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘Resemblance’ ที่ครั้งนี้จุมภฏนำเรื่องสั้น 2 เรื่องดังเช่นว่า “นอนใต้ละอองหนาว” ของ ปราบดา หยุ่น แล้วก็ “สนไซเปรส” ของ จิรัฎฐ์ ดีที่สุดสมบัติพัสถาน ซึ่งรายข้างหลังได้มาร่วมเขียนบทภาพยนตร์ด้วย

โดยเรื่องราวจะผูกโยงระหว่างเหตุแปลกที่มีเหล่าดารานางแบบล่องหนเข้าไปในป่าแบบไม่มีผู้ใดทราบต้นเหตุและก็การปรากฎตัวของ บ็อบบี้ (อนันดา เอเวอริงหมูแฮม) ชายหนุ่มหล่อที่หมกมุ่นในกามารมณ์ที่ชอบหาเหยื่อเป็นดารานางแบบสาวดูดีมามีชมรมทางเพศแล้วจบลงด้วยการที่หญิงสาวพวกนั้นเสพย์ติดการเปลี่ยนคู่รักก่อนที่จะล่องหนเข้าไปในป่า จนกระทั่งทำให้ โจ (จินตัย อันตำหนิมานนท์) นายตำรวจชายหนุ่มที่แฟนสาวของเขาล่องหนไปอย่างลึกลับจำต้องแสวงหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

เอาการโปรดักชันที่นับว่าเป็นจุดบอดในงานที่แล้ว จุมภฏมองตั้งมั่นกับงานภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ภาพมองเป็นภาพยนตร์มากยิ่งกว่าวีดีโอเสมือนผลงานก่อนรวมทั้งยังมีการโชว์วิช่วลเอฟเฟกต์ต้นไม้ที่เป็น CG ล้วนๆออกมาได้น่าดึงดูด อีกอย่างเป็นการเลือกดาราหนังอย่าง อนันดา เอเวอริงหมูแฮม มารับบทนำก็ถือได้ว่าเป็นการแสดงออกว่าตอนนี้จุมภฏมองขมักเขม้นกับวิธีการทำภาพยนตร์เยอะขึ้นเรื่อยๆอย่างชัดเจน

รีวิวหนัง “Ballerina ร่ายระบำฆ่า

ในรอบปีให้หลังนับว่าหนังประเทศเกาหลีทางสตรีมไม่งไปได้สุดอยู่หลายเรื่อง และก็แปลงเป็นคอนเทนท์ที่ทั่วทั้งโลกจำต้องจับตาดูอยู่เป็นประจำๆแล้วหลังจากนั้นก็มาถึงคิวปัจจุบันของหนังแอคชันโกรธเคืองพลังหญิง อย่าง “Ballerina ร่ายระบำฆ่า” ที่ได้กลิ่นอายความดิบไม่มีอารยธรรมโชยออกมาตั้งแต่บนใบปิดเลย นี่บางทีก็อาจจะเป็นหนังบู๊ระห่ำ ที่บางครั้งอาจจะมาสร้างเป็นบรรทัดฐานใหม่ให้กับสายหนังแอคชันประเทศเกาหลีอีกประเด็นก็เป็นได้

Ballerina ร่ายระบำฆ่า ว่าเรื่องราวของ อ๊กจู ที่เคยดำเนินการเป็นบอดี้การ์ดหญิงมาก่อน มีความสามารถเลิศล้ำในศิลป์การต่อสู้ ฟับดาบ ยิงปืน หรือขับรถหวาดเสียว คุณเป็นเพื่อนซี้กับ ไม่นฮี สาวนักบัลเลต์ที่กำลังเริ่มจะมีอนาคตที่ไกล จนกระทั่งไม่นฮีได้ขอให้อ๊กจูช่วยบางสิ่ง มันก็คือการแก้เผ็ดเอาคืน โปรชเว โน่นก็เลยเป็นจุดเริ่มที่คุณยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อทวงแค้นให้เพื่อนฝูงอย่างไม่รีรอ

แล้วก็นี่เป็นผลงานปัจจุบันของผู้กำกับชายหนุ่มไฟแรง(และก็หล่อ) อย่าง อีชองฮยอน ที่เคยเดบิวต์จากหนังลึกลับรวมผู้แสดงฝ่ายหญิงเรื่องที่แล้วใน The Call ที่จัดว่าเขาเป็นนักสร้างภาพยนตร์แบบใหม่ที่กำลังเป็นที่เรียกร้องตัวของสตูดิโอต่างๆในยุคนี้ แล้วก็ Ballerina ก็เป็นงานที่ท้าของเขาอีกรอบ ด้วยรายละเอียดที่เข้มข้นแล้วก็ดาลเดือดเหิมใจตรงตามคอนเซ็ปต์

แน่ๆว่ามันน่าจะหลบหลีกมิได้หรอก ที่จะนำไปถูกเปรียบเทียบกับหนังแนวๆนี้ฝั่งฮอลลิวูด Wowgame007   อย่าง John Wick หรือ Atomic Blonde อะไรเทือกนั้น แล้วยิ่ง Ballerina ก็ยังมีชื่อเดียวกันกับหนังภาคแยกของจอห์น วิค อย่าง Ballerina ที่จะออกฉายปี 2024 มั่นใจว่าหนังทั้งคู่เรื่องคงจะถูกทับทับกันในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน

Bono & The Edge A Sort of Homecoming with Dave Letterman (2023)

รีวิวหนัง “Fair Play

ถึงเวลามาแซ่บ..กับเกมความร้อนเร่าของพวกเขาทั้งสอง กับหนังตื่นเต้นแอบซ่อนเกมการแข่งขันชิงชัยบนเฉือนคมที่คงจะคุกรุ่นพอได้ อย่าง “Fair Play” ที่ติดเรท R ที่มีรายละเอียดหักเหลี่ยมกันครั้งใดก็ตามได้โอกาสเผลอ กับจังหวะเร่งเร้าของคู่แต่งงานที่ไม่สามารถที่จะคบกันได้อย่างเปิดเผย จำเป็นต้องมาเจอหน้ากับการต่อสู้กันในบริษัทที่เสี่ยงทำให้ความรักจำเป็นต้องสะบั้น!

Fair Play เกิดเรื่องราวชีวิตอันแสนสุขสมของ เอมิลี กับ ลุค วัยรุ่นที่บ้ารักกันและกัน โดยที่พวกเขาหมั้นหมายตระเตรียมตบแต่งกันเร็วๆนี้ เพียงแค่พวกเขาดำเนินการที่เดียวกัน ที่มีนโยบายห้ามคบค้าสมาคมแล้วก็มีความเกี่ยวพันกันเด็ดขาด เมื่อการเลื่อนขั้นอย่างเหนือการคาดการณ์ในกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ทุกฝ่ายแข่งขันกัน แปลงเป็นจุดแตกหักระหว่างพวกเขา รวมทั้งแปลงเป็นการบั่นทอนชีวิตครอบครัวที่พร้อมจะพังทลายลงได้ทุกครั้ง

นี่เป็นผลงานใหม่ของผู้กำกับหญิง “วัวลอี โดมอนต์” (จากซีรีส์ Ballers) ที่ถือว่าคัมแบ็กกลับมาทำหนังอีกทีในรอบแทบสิบปี แล้วก็ถือเป็นการกลับมาที่ค่อนข้างจะท็อปฟอร์มไม่น้อย เนื่องจากหนังหัวข้อนี้ออกจะสะดุดตาเมื่อตอนเปิดตัวฉายที่เทศกาลหนังซันแดนซ์ ตอนต้นปีที่ล่วงเลยไป โดยงานนี้คุณรับหน้าที่อีกทั้งดูแลแล้วก็เขียนบทเอง มันเปลี่ยนเป็นอีกงานชิ้นยอดเยี่ยมของคุณไปแล้ว

แต่ว่ามั่นใจว่า Fair Play ไม่ใช่หนังที่ทุกคนจะถูกใจ รวมทั้งไม่ใช่ว่าทุกคนจะชังเหมือนกัน เนื่องจากส่วนประกอบและก็รายละเอียดของหนังหัวข้อนี้ทำให้เกิดความรู้สึกทั้งยังรักอีกทั้งชังไปในขณะเดียวกัน โดยยิ่งไปกว่านั้นบทหนังของหัวข้อนี้ที่เต็มไปด้วยมุมมองที่สะอิดสะเอียนและก็ด้านลบของชีวิตสมรส แม้กระนั้นมันกลายเป็นมุมที่ออกจะเวิร์กเมื่อโดนจับมาใส่เอาไว้ภายในหนังประเด็นนี้ ภายใต้เหตุการณ์แล้วก็บรรยากาศที่แสนเคร่งเคลียดของจำนวน

แน่ๆว่า Fair Play เป็นหนังที่มีเบื้องหลังเกิดเรื่องราวในแวดวงวอลล์สตรีทแล้วก็การคลัง ที่ผู้ชมทั่วๆไปบางทีก็อาจจะเข้าไม่ถึงในส่วนของเนื้อหาเกี่ยวกับแวดวงนี้ แต่ว่าหนังก็รู้สึกแนวทางที่เล่นกับความรู้สึกของผู้ชม ไปพร้อมๆกับผู้แสดง ด้วยการเบาๆสร้างบรรยากาศอันแสนจะเคร่งเครียดเพิ่มมากขึ้นระหว่างความเชื่อมโยงของ เอมิลี กับ ลุค จากคู่ควงที่หวานชื่นที่จำต้องปกปิดเป็นความลับ แปลงเป็นคู่ปรับคู่บาดใจในหน้าที่การงานที่แสนเจ็บร้าว

รีวิวหนัง “Heart of Stone

แล้วก็นี่เป็นโปรแกรมหนังฟอร์มใหญ่ยักษ์ประจำหน้าร้อนปีนี้จากทางเน็ตฟลิกซ์ หนังแอคชั่นสายสุดตื่นเต้น อย่าง “Heart of Stone ฮาร์ท ออฟ สโตน” ที่มาด้วยหมาดสุดจริงจังของกระทำการเสี่ยงภัยที่อัดแน่นไปด้วยฉากบู๊บ้าเลือดส์ตลอดทั้งเรื่อง โดยมีนักแสดงหญิงเป็นคนรับบทนำที่แสนจะอดทน พร้อมกับตอกย้ำซ้ำเติมการเป็นราชินีขาบู๊ที่ทศวรรษอย่างเจิดแจ่มแจ้ง

Heart of Stone เกิดเรื่องราวของ เรเชล สโตน ข้าราชการหน่วยข่าวกรองหญิงที่เป็นเพียงแต่เดียวที่ยืดยืดสำหรับการหน่วยงานรักษาความสงบสุขอันทรงประสิทธิภาพระดับนานาชาติ แล้วก็คุณไม่ยินยอมให้กำเนิดการสิ้นไปของสำคัญอันล้ำค่าแล้วก็อันตราย ตรงนั้นแปลว่าคุณจำเป็นจะต้องนำชีวิตตนเองเข้าไปเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่เดามิได้นานานับประการจากศัตรูที่คิดจะครองสิ่งนั้นรวมทั้งใช้ประโยชน์ในทางการที่ไม่ถูก

ก็ดูเหมือนหนังนี้เป็นการหลอมรวมสะสารไฮไลต์เด็ดๆจากหนังแอคชั่นดังๆแนวนี้อยู่หลายเรื่องมาผสมสร้างปั้นออกมาเป็น Heart of Stone โดยหนังมีกลิ่นความเป็น Mission: Impossible คละเคล้ากับหนัง 007 ซ้ำยังมีความจริงจังสไตล์ John Wick ทั้งยังยังมีกลิ่นวีรบุรุษไอคอนิกตัวแม่ แบบที่เคยได้เห็นใน Salt หรือ Black Widow อะไรทำนอง ทุกสิ่งถูกนำแต่งออกมาเป็นหนังประเด็นนี้ ที่บอกเลยว่ามันก็ค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพจะเป็นแฟรนไชส์ใหม่ได้อยู่

แล้วก็นี่เป็นก็ผลงานปัจจุบันของผู้กำกับชายหนุ่มเมืองผู้ดี “ทอม ฮาร์เปอร์” ที่ทิ้งระยะไปจากผลงานก่อน อย่าง The Aeronauts ไปประมาณ3-4 ปีเลย ซึ่งการกลับมาคราวนี้ก็นับว่าเขามาจับจับหนังแอคชั่นอย่างสุดกำลังเป็นคราวนี้ เป็นหนังฟอร์มใหญ่ยักษ์ หนังบ็อกซ์บัสเตอร์จ้ะๆที่ก็ดูเหมือนกับว่าเขาก็กระทำตามใบสั่งจากบริษัทผลิตภาพยนตร์ได้ค่อนข้างจะน่าพึงพอใจ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้มองเห็นเอกลักษณ์และก็ลายเซ็นที่เป็นลักษณะของเขา ปรากฏออกมาในหนังหัวข้อนี้สักเท่าไหร่เลย

Heart of Stone ที่จะว่าไปมันก็เป็นที่พล็อตสำเร็จรูปนั่นแหละ เพียงการปรุงแต่งบทหนังแล้วก็การเล่าเรื่องยังมีคุณภาพแล้วก็สร้างประสิทธผลสำหรับการความสนุกสนานได้ดิบได้ดี สนองตอบสิ่งที่ผู้ชมอยากได้มองเห็นได้อย่างประจวบเหมาะ ก็เลยเปลี่ยนเป็นว่าหนังแอคชั่นนี้มองได้เพลิดเพลินและก็สนุกดีไปตลอด 2 ชั่วโมงของเรื่อง ถึงคอนเซ็ปต์และก็แก่นของเรื่องจะบอบช้ำๆแล้วก็บ่อยๆกับหนังดังบางเรื่องไปบ้าง แต่ว่าพอเพียงกลับฝั่งมาใช้ผู้แสดงหลักเป็นเพศหญิง ก็ทำให้น่าเชยชมได้อีกแบบอย่าง

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %